หน้าแรก : >> Alien+Prometheus vs Predator : AVP Timeline : แฟนเพจ 1.Space Jockey : 2.วัฎจักรชีวิตเอเลี่ยน : 3.H.R.Giger : 4.นวัตกรรม สกู๊ปพิเศษจับกระแส: Prometheus ภาค2 หรือ Alien: Covenant (2017) |
โพรมีธีอุส 1.3
ตอน
"ดีลีทซีน : ฉากที่ถูกตัดออก 14 ฉาก"
มาวิเคราะห์-รีวิวฉาก Delete Scene ที่บรรจุแถมมาด้วยในเวอร์ชั่นภาคแผ่น Blu-Ray เท่านั้น อันเป็นทั้งแง่มุมเสริมจินตนาการ+แนวคิดต่างๆที่ได้จากภาพยนตร์ เป็นการเพิ่มอรรถรสของ Prometheus สมทบยิ่งขึ้นไปอีกขั้น...
1. ARRIVAL OF THE ENGINEERS : ฉากการมาของ Engineer ในภาคภาพยนตร์ปกติจะเห็นแค่คนดียวบูชายัญตนเอง แต่ใน Delete Scene จะเห็นว่ามีมากันหลายคนและก็ดูอาวุโสกว่าคนบูชายัญ ยังคงเป็นปริศนาอยู่ดีว่า ยานอวกาศจานบินมาจากไหนกันแน่(คงต้องดูภาค2ต่อไป) แต่จากเนื้อเรื่องทั้งหมดของหนัง ผู้ชมพอจะจินตนาการต่อได้เองว่า ที่เป็นไปได้ที่สุดนั้น พวก Engineer นี้แหละคือ ต้นแบบมนุษยชาติ อันหมายความว่าพวกเขาคือ พระเจ้า! โดยฉากนี้สื่อนัยว่า สารเหลวดำ(Black Goo) + ร่างกาย Engineer ละลายลงน้ำ (สถานที่เกิดเหตุคือ ณ น้ำตกยักษ์ "The Dettifoss Waterfall" ประเทศ Iceland ปัจจุบัน) และได้วิวัฒนาการกลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิด-DNA ของมนุษย์ต่อไป...ฉะนั้นในฉากบูชายัญนี้หากอิงกับหลักวิทยาศาสตร์ ก็พอจะอนุมานได้ว่าฉากนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยนับเป็นแสนปี! มาแล้ว...แต่ปริศนา Engineer สร้างมนุษย์นี้ก็ยังคงมีคำถามที่ไม่มีคำตอบมากมาย พวกเขาสร้างมนุษย์เพื่ออะไร? แค่การทดลอง? หรือมากกว่านั้น? ฯลฯ...
* มนุษย์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Homo Sapiens, ภาษาละตินแปลว่า "คนฉลาด" หรือ "ผู้รู้") เป็นสปีชีส์เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในสกุล Homo ในทางกายวิภาค มนุษย์สมัยใหม่ถือกำเนิดขึ้นในทวีปแอฟริการาว 200,000 ปีที่แล้ว และบรรลุความนำสมัยทางพฤติกรรม (Behavioral Modernity) อย่างสมบูรณ์เมื่อราว 50,000 ปีที่แล้ว...เชื้อสายมนุษย์แยกออกจากบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายกับชิมแพนซี สิ่งมีชีวิตที่ใกล้ชิดที่สุด เมื่อราว 5 ล้านปีที่แล้วในแอฟริกา ก่อนจะวิวัฒนาการไปเป็นออสตราโลพิเธคคัส (Australopithecines) และสุดท้ายเป็นสกุล Homo Sapiens ซึ่งก็คือมนุษย์เราในปัจจุบันนั่นเอง
- และนี่คือตัวอย่าง ตัวอักษร ภาษาเขียนของ Engineer :) --- ส่วนรูปขวา ตัวอย่างเบื้องหลัง Pre-Visualization ฉาก Engineeer (จาก โบนัส บูลเรย์) -
2. T'IS THE SEASON : ฉากก่อนจะเริ่มการประชุมอภิปรายเกี่ยวกับภารกิจยาน Prometheus นับแต่ทุกคนตื่นฉากภาวะจำศีลหยุดนิ่ง ทานอาหาร ปรับสภาพร่างกายเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยจะขึ้นวันคริสต์มาสพอดี กัปตันยาน อันมีนามว่า "Janek" จึงกลับหันไปสนใจต่อการจัดแต่งต้นคริสต์มาสเล็กๆกะฉลองสร้างบรรยากาศ โดยไม่สนที่จะรู้ว่าแท้จริงยาน Prometheus มาปฏิบัติภารกิจอะไรกันแน่(แม้ ระดับซึอีโอใหญ่อย่าง "Meredith Vickers" ได้ถามแล้วก็ตามว่า ไม่อยากรู้เหรอ) คงด้วยคิดว่าเขาจ้างมาขับยานก็ขับยานให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนเรื่องภารกิจอื่นๆไม่เกี่ยวกับตน...ตรงนี้สะท้อนความเป็นพนักงานลูกจ้างเต็มขั้นของ Janak อันหวังเพียงทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยหวังเพียงได้ค่าจ้างตอบแทนต่อไปเท่านั้น ไม่มีอุดมการณ์อะไรทั้งสิ้น แต่ภายหลังเขานี้แหละคือผู้นำตัดสินใจขับยานพลีชีพ (อย่างที่รู้กันในเนื้อเรื่องหนัง :)
3. OUR FIRST ALIEN : ลูกยานนักชีววิทยาเนิร์ดนาม "Milburn" ได้พบกับสิ่งมีชีวิตตัวแรก นับแต่ได้เข้าสำรวจถ้ำ(ของEngineer) ลักษณะกึ่งปลาไหล+งู ตัวเล็ก(แต่ไม่ใช่หนอน หรือ งู Hammerpede ที่ปรากฏในเนื้อเรื่่องหลัก) ทุกคนจึงพากันยินดีตื่นเต้น มันดิ้นเลี้อยอยู่ในแอ่งน้ำครำดำที่อยู่ในร่องพื้น Milburn จึงเก็บใส่กระป๋องไว้ศึกษาต่อไปด้วยความตื่นเต้น...คาดว่าตัวนี้ต่อไปจะเติบโตเป็นอสุรกายอะไรบางอย่างด้วยเป็นแน่? เพราะมันอยู่ในน้ำครำซึ่งคาดว่ามีส่วนผสมของ Black Goo ด้วยเช่นกัน และ "Milburn" กับหุ่น David ก็พูดทำนองว่านี้เป็นการพบสิ่งมีชีวิตตัวเป็นๆตัวใหญ่ขนาดนี้นอกโลกเป็นครั้งแรก...ตรงนี้ทำให้นึกถึงยุคปัจจุบัน ความจริงคือมนุษยชาติเรายังไม่เคยพบพานสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวหรือเอเลี่ยนแบบโจ้งๆชัดๆปราศจากข้อกังขาเลยแม้แต่ตัวเดียว ที่ได้รับรู้กันส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงข่าวลือ+ภาพตัดต่อเกี่ยวกับ UFO กับมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น ถึงจะมีเจอจริงๆบ้างในการสำรวจอวกาศก็เพียงซากแบคทีเรียเล็กๆยังไม่เคยพบแม้แต่สัตว์ตัวใหญ่เป็นๆเลย(ตามที่ "Milburn" พูด)
4. SKIN : "Milburn" และ "Fifield" พบหนังลองคราบของตัวอะไรบางอย่าง กลิ่นแรงทีเดียว ตรงนี้เดาได้ว่าน่าจะของตัวงู Hammerpede ที่ทั้งสองจะได้เจอและสยองกันต่อไปนั่นเอง
5. WE'RE NOT ALONE ANYMORE : "Elizabeth Shaw" คุยกับทีมลูกยาน(หลังจากเหตุการณ์หนีพายุขึ้นยานในเนื้อเรื่องหลัก) Shaw ได้เล่าถึงอุดมการณ์ส่วนตัวกรณีการหาคำตอบเกี่ยวกับที่มาของชีวิตมนุษยชาติ-ศรัทธาต่อความเชื่อพระผู้เป็นเจ้า และได้ดื่มฉลองกับการได้พบศพอันเป็นซากหัวของ Engineer ซึ่งนับเป็นหลักฐานข้อยืนยัน 100% แล้วว่านอกจากมนุษย์ ก็ยังมีมนุษย์ต่างดาวทรงภูมิปัญญา เราไม่ได้โดดเดี่ยวในจักรวาล แต่ Holloway (ในอาการดื่มคล้ายจะเมาๆหน่อยๆ)กลับแย้งพูดไม่เข้าหูทำนองว่า เขาไม่ได้สนใจต่อการจะชันสูตรศพ ซากสิ่งมีชีวิตอะไรก็ตาม และมันไม่ควรจะเป็นเป้าหมายของภารกิจนี้ แต่ที่สำคัญกว่าคือการได้พบกับพวกเขาตัวเป็นๆต่างหาก Shaw ออกอาการไม่ค่อยจะพอใจนัก...ตอนนี้เริ่มสะท้อนให้เห็นอุดมการณ์ที่ต่างกัน+ปมขัดแย้งกัน ระหว่างคู่รักอย่าง Shaw กับ Holloway
6. STRANGE BEDFELLOWS : "Elizabeth Shaw" กำลังดูวิดิโอ พวก Engineer ที่ตายหัวขาดจากภาพโฮโลแกรมที่บันทึกมาจากการสำรวจถ้ำ แล้ว Holloway ก็เดินเข้าห้องมาด้วยอาการมึนเมา(จากเครื่องดื่มที่หุ่น David แอบผสมหยด Black Goo ก่อนหน้า) แล้วทั้งคู่ก็เริ่มถกเถียงกัน Holloway พูดย้ำอีกในทำนอง --ไม่มีประโยชน์ที่จะวิเคราะห์ซากศพ Engineer 2000 ปี ทั้งสรุปว่าพวก Engineer ใช้โลก-มนุษย์ในการทดลองเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่น และพวกเขาก็ไม่ใช่พระเจ้าที่ต้องให้ความสำคัญ -- แถมพูดจากวนโอ้ย Shaw ทำนองว่าจินตนาการเดาไปเอง(เชิงศาสนา)มากเกินไป ทั้งพาดพิงพ่อแม่ที่ตายไปแล้วกับกรณีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ฉากนี้สะท้อนทั้งคู่ไม่ลงรอยกันในแนวคิดอีกรอบโดย Holloway มักจะเป็นผู้เริ่มหาเรื่องแขวะ Shaw ก่อนเสมอ แต่สุดท้ายด้วยเป็นคู่รักกัน Holloway ก็ขอโทษ Shaw (และลงเอยที่มีเซ็กซ์กัน ตามในเนื้อเรื่องหนังหลัก)
7. HOLLOWAY HUNGOVER : เป็นฉากขยายให้เห็น Holloway เริ่มมีอาการผิดปกติหลังดื่มเครื่องดื่มที่หุ่น David แอบผสมหยด Black Goo ก่อนหน้า
8. DAVID'S OBJECTIVE : ฉากนี้ตอกย้ำ หุ่น "David" มีวาระซ่อนเร้นที่ไม่มีใครรู้แม้แต่เจ้านายอย่าง "Meredith Vickers" เอง เขาทำทีเป็นฟังคำสั่ง Vickers แต่แท้จริงแล้วกลับขัดขืนคำสั่งทำตามที่ตนเองต้องการ ส่วนวาระซ่อนเร้นคงอยู่ที่คำสั่งลับจากเจ้านายใหญ่ตัวจริงนั่นคือ "Peter Weyland" (ผู้พ่อของ Vicker) ที่ได้วางแผนกำหนดภารกิจของ David ไว้ล่วงหน้าแล้วนั่นเอง
9. JANEK FILLS VICKERS IN : กัปตัน "Janek" เข้าไปในห้อง "Meredith Vickers" คุยเล่าว่าเขาเคยเป็นทหารมาก่อนที่จะมารับจ้างขับยาน Prometheus นี้ และได้แสดงแนวคิดส่วนตัวว่าพวก Engineer ได้สร้างในสิ่งที่ไม่ควรสร้าง(ทำนองเดียวกับที่มนุษย์มีเครื่องจักร-เทคโนโลยี) ทั้งได้พูดเชิงตำหนิ Vickers ว่า ได้กลายเป็นฆ่าตกรฆ่าคนตายไปแล้ว...(ฉากนี้จึงเป็นฉากหลังจาก เหตุการณ์ "Holloway" ถูกกีดกันไม่ให้ขึ้นยานด้วยเขามีอาการผิดปกติคล้ายติดเชื้อบางอย่าง และถูกเผาตายด้วยน้ำมือ Vicker ในที่สุด อันปรากฏในเนื้อเรื่องหนังหลักนั่นเอง)...แล้วถัดจากนั้นก็มีสัญญานวิดีโอจากหุ่น David แทรกขึ้นมา ถาม Vickers ว่า "เขาตื่นหรือยัง" (อันหมายถึง "Peter Weyland") จึงทำให้กัปตัน "Janek" สงสัยว่ามีลูกยานคนไหนจะตื่นอีกในเมื่อก็ทุกคนตื่นกันครบหมดแล้ว David ตอบ Janek ไปว่า "คุณไม่จำเป็นต้องรู้" และนี่ก็คือวาระซ่อนเร้นลูกยานส่วนใหญ่คนอื่นๆไม่รู้มาก่อนเลย นอกจาก David กับ Vicker เท่านั้น
10. A KING HAS HIS REIGN : ฉากขยายความกรณี "Meredith Vickers" พยายามข้อร้องห้ามปราม "Peter Weyland" ไม่ให้ลงไปจากยานเพื่อค้นหา Engineer อันตัว Weyland เองเชื่อว่าเป็น พระเจ้า ซึ่งแน่นอนว่า Weyland ไม่ฟัง และ Vickers ก็ถือโอกาสอำลาเพราะเชื่อว่างานนี้ Weyland อาจไม่รอดชีวิตกลับมาเป็นแน่...นี่จึงเป็นฉากที่ตอกย้ำความไม่ลงรอยกันของพ่อลูกคู่นี้
11. FIFIELD ATTACKS : ฉากนี้จะขยายให้ได้เห็น "Fifield" ที่กลายพันธุ์ไปเป็น อสูรกายซอบบี้! มากยิ่งขึ้น...ที่น่าสงสัยก็คือ ทำไมการกลายพันธุ์ต้องลงเอยเป็นสิ่งรูปลักษณ์น่ากลัว-ฆ่าคนอื่นด้วย ? หรือว่าฤทธิ์อันเนื่องมาจาก Black Goo จะให้ผลในเชิงกลายเป็นอสูรกายสัญชาตญาณดุร้ายไล่ล่าฆ่า!เสมอกระนั้นหรือ? มันจะสามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ธรรมดาๆ-น่ารักได้บ้างหรือไม่--- หรือตรงนี้สะท้อนว่า แท้จริงมนุษยชาติ(อันมาจาก Black Goo เช่นกัน) ก็ไม่ได้ต่างจากอสูรกายสยอง ในสายตา Engineer ? และถ้าอิงจากในเนื้อเรื่องหนังหลัก จึงอนุมานได้ว่านี้คงเป็นเหตุให้ Engineer ต้องหาทางทำลายล้างมนุษย์เสียกระมัง ?
12. THE ENGINEER SPEAKS : เป็นฉากที่เราจะได้เห็น Engineer พูดเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งได้ความประมาณว่า "พวกแกมาทำไมที่นี่" และเมื่อ Weyland ได้พูดขอชีวิตอมตะ Engineer กลับตอบทำนอง "จะอมตะไปทำไม"...ซึ่งกรณีนี้เป็นไม่ได้นั่นเองด้วย Engineer ก็ตายได้เช่นกัน ดังที่เราเห็นในเนื้อเรื่องหนังหลัก สรุปคือ Weyland งมงายไปเองว่า Engineer คือ God และ God ต้อง never dies!...และฉากดีลีท ฉากนี้เอง เราจะเห็นความเหี้ยมของ Weyland กรณีสั่งลูกน้อง หาก Shaw พูดมากอีกก็ให้ยิงเธอทิ้งได้เลย!
13. FINAL BATTLE : เป็นฉากขยาย ตอนการปะทะกันระหว่าง Engineer กับ Shaw ดุเดือนเร้าใจเพิ่มขึ้น และ David ก็ส่งสัญญานติดต่อเตือน Shaw เป็นระยะๆ
14. PARADISE (Alternate Ending) : ขยายตอนจบเรื่อง... David ได้ให้ข้อมูลต่อ Shaw เพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวของ Engineer อธิบายทำนองดาวของ Engineer นั่นอธิบายยาก แต่ถ้าให้ใกล้เคียงก็ประมาณคำว่า "สรวงสวรรค์"(Paradise) ในจินตนาการของมนุษย์...หวังว่าแฟนหนังเราๆ คงจะได้เห็น Paradise กันต่อไปในภาค 2 ซึ่งก็ได้ข่าวเบื้องต้นว่าจะใช้ชื่อภาคว่า "Paradise" นั่นเอง
Heaven (อ่านว่า เฮ เว่น) แปลว่า สวรรค์ /// คำว่า Heaven ในความหมายนี้ เป็นเมืองสวรรค์ที่ พระเจ้า ประทับอยู่ เป็นสวรรค์ชั้นสูงและเป็นอุดมคติ เป็นที่ที่สวยงามและมีความพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง มักใช้ในความหมายทางศาสนา หรือลัทธิความเชื่อ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากคำว่า Heaven แล้ว ภาษาอังกฤษมีคำอีกคำที่แปลเหมือนกันครับ นั่นคือคำว่า
Paradise (อ่านว่า พ้า หล่า ได๊ซ์) แปลว่า สวรรค์ /// แต่สวรรค์ในความหมายของ Paradise แตกต่างจาก Heaven สวรรค์ของ Paradise จะใช้ในความหมายของการเป็นสวรรค์บนดิน เป็นสวรรค์บนโลก นั่นคือ ใช้เปรียบเทียบว่า สถานที่บางแห่่งที่สวยงามราวกับสวรรค์ อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้คำนี้ ในภาวะอารมณ์แห่งความยินดีและมีความสุขราวกับขึ้นสวรรค์ อันนี้เราก็จะใช้ Paradise เหมือนกัน
คงพอเห็นความแตกต่างนะครับ การเรียนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องทราบความหมายลึกที่ซ่อนอยู่ในการใช้คำศัพท์แต่ละคำด้วย พูดถึงตรงนี้ผมนึกขึ้นได้อีกคำว่า สวรรค์นั้น มีอีกคำที่เขาใช้กัน นั่นคือคำว่า
Shangri-La (อ่านว่า แช้ง กรี หล่า) แปลว่า แดนสวรรค์ /// คำนี้คุ้นๆ หูไหมครับ เหมือนชื่อโรงแรมใช่ไหมครับ ความหมายของคำนี้ คือดินแดนที่อยู่บนโลกเรานี่ล่ะ แต่เป็นดินแดนที่สวยงามราวกับสวรรค์บนผืนดิน และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม สุขสงบตัดขาดจากโลกภายนอก พอเห็นภาพไหมครับว่าทำไม เขาถึงใช้ชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อโรงแรม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ บรรยากาศและความรู้สึก เหมือนอยู่แดนสวรรค์อันสงบและสวยงาม ถือว่าเป็นการใช้ชื่อที่สะท้อนภาพพจน์ของโรงแรมได้ชัดเจนทีเดียว
จริงๆ แล้วที่มาของชื่อ Shangri-La นั้น ปรากฏขึ้นครั้งแรกในนวนิยายชื่อ "Lost Horizon" ของ นักประพันธ์ชาวอังกฤษ ที่ชื่อ เจมส์ ฮิลตัน เขาเลือกที่จะใช้ชื่อนี้อธิบายถึงดินแดน ลึกลับที่สงบและมีความสวยงาม โดยมีพื้นฐานของจินตนาการมาจากเมืองในหุบเขาของธิเบตซึ่งมีประเพณีและวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา ที่น่าค้นหา
* และจากที่ได้ดู Bluray "Promethues" +Delete Scene+Bonus ต่างๆพอสมควร ขอสรุปโครงเรื่องหลักกว้างๆอีกครั้ง --- *สปอย แต่ก็ไม่มีผล เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ยังไงก็คงต้องไปดูเองเท่านั้น
- แก่นเรื่องคือ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์-ลูกยาน Prometheus ต้องการแสวงหาคำตอบ(เชิงศาสนา) ในกรณี ที่มาของกำเนิดมนุษยชาติ - เกิดมาทำไม - ตายแล้วไปไหน - ชีวิตอมตะ ฯลฯ...โดยมีสมมุติฐานเบื้องต้นจากหลักฐานโบราณคดีเท่าที่พบได้ข้อสรุปว่า พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ ก็คือ มนุษย์ต่างดาว! - แล้วลูกยานโพรมีธีอุส ก็ออกเดินทางท่องอวกาศไปสู่ดาว LV-223 ก็ได้พบกับ มนุษย์ต่างดาวที่เรียกว่าพวก "Engineer" กับของเหลวสีดำลึกลับของพวกเขาที่เรียกว่า Black Goo ในไหจำนวนมาก และฤทธิ์ของ Black Goo มีผลให้เกิดการกลายพันธุ์เป็น อสูรกาย --- ต่อมาแล้วลูกยานก็ตายเรียบ(รวมทั้ง Engineer ด้วย) เหลือผู้รอดเพียง Elizabeth Shaw - สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้คำตอบใดๆเกี่ยวกับคำถามเกี่ยวกับชีวิต โดย Elizabeth Shaw เชื่อมั่นว่าพวก Engineer คือพวกที่สร้างมนุษย์แต่สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ยังไม่รู้? แต่แล้วก็กลับมีแผนจะไปล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่โลก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมเป็นเช่นนั่น? - Elizabeth Shaw กับ หุ่น David ต้องหาคำตอบต่อไป โดยทิ้งท้ายเรื่อง กำลังมุ่งหน้าสู่ดาวบ้านเกิดของพวก Engineer ที่หุ่น David บอกว่ามันคล้ายกับ สรวงสวรรค์(Paradise) --- ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ต้องรอดูภาค 2 กันต่อไป ซึ่งข่าวออกมาว่าจะใช้ชื่อภาคว่า "Paradise" |
*ส่งท้ายแถม : "เปิดใจ Holloway" สั้นๆแต่ท้าทาย และรุนแรงส์! : จากตอนหนึ่งในคลิป แฟ้มไฟล์ของเวย์แลนด์ (Weyland files)
" ผมอยากหักล้างศาสนาที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าทุกคนเชื่อกันผิดๆ " ...Holloway กล่าว
.....................................................................................
- ตัวอย่างฉากอาร์ตๆบางส่วน จากคลิปชุด "Weyland files" [Prometheus Bluray Bonus Scene] -
.....................................................................................
- พบว่าบท Script Prometheus เดิมจะมี Elder Engineer พูดอำลาอวยพรกับ Engineer ก่อนบูชายัญ แต่ถูกตัดออกไปและก็ไม่มีใน Delete Scene แต่ประการใด " ให้กายของเธอกลายเป็นธาตุดิน เลือดของเธอกลายเป็นธาตุน้ำ และขอวิญญาณของเธอได้กลายเป็นหนทางให้พวกเขากลับสู่พวกเราอีกครั้ง " -